ช่วงนี้ละครทยอยกันอวสานหลายเรื่องมากๆ แล้วมีละครเรื่องใหม่เรื่องหนึ่ง มีชื่อว่า พ่อไก่แจ้ ดูตอนแรกก็ไม่เข้าใจความหมายของมันซักเท่าไหร่ ก็เลยสอบถามญาติผู้ใหญ่หลายๆ คนที่นั่งดูใน อ่างอาบน้ําราคาถูก อยู่ด้วยกัน เขาบอกว่าชื่อของเรื่องนี้มาจากคำว่าเจ้าชู้ไก่แจ้ ซึ่งเอามาจากอากัปกิริยาของไก่แจ้ตัวผู้ ที่เวลาจะจีบไก่ตัวเมียนั้น มันจะออกอาการอย่างเห็นได้ชัด ไก่ตัวผู้นั้นถูกสร้างมาให้มีความสวยงาม และดูน่าเกรงขาม เพื่อดึงดูดไก่เพศเมียให้มาหลงไหล เมื่อถึงฤดูของการหาคู่ เมื่อมันเจอตัวที่มันถูกใจและต้องการจะมีลูกด้วยกัน มันก็จะเกี้ยวพาราสีไก่แจ้ตัวเมียโดยการสยายปีก และตีพั่บๆ โดยกางปีกใหญ่โตให้เห็นอย่างชัดเจน จีบออกหน้าออกตา ให้รู้กันไปทั้งบางว่ากำลังจีบใครอยู่ ดังนั้นคำว่าเจ้าชู้ไก่แจ้ ก็คือการจีบผู้หญิงอย่างเปิดเผย จีบไม่แคร์สื่อ ไม่แคร์สายตาใคร จีบก็ต้องให้รู้ว่าจีบ ไม่ใช่แอบทำใน อ่างอาบน้ําพับได้ หรือให้ต้องใช้สมองคิดอะไรมากมาย ในละครเรื่องนี้จึงสร้างตัวละครที่มีพฤติกรรมเหล่านี้อยู่มากมาย โดยพระเอกนั้นจะมีกลุ่มเพื่อนรวมกันทั้งหมด 5 คน ทุกคนล้วนมีนิสัยเหมือนกันหมด ก็คือบ้าผู้หญิง การใช้คำนี้ก็คงไม่แรงเกินไปนัก เพราะแต่ละคนล้วนแต่มีภรรยาเป็นตัวเป็นตน แต่งงานกันเรียบร้อย และจดทะเบียนบไม่แคร์สื่อ ไม่แคร์สายตาใคร จีบต้องให้รู้ว่าจีบ ไม่ใช่แอบทำหรือให้ต้องใช้สมองคิดอะไรมากมาย ในละครเรื่องนี้จึงสร้างตัวละครที่มีพฤติกรรมเหล่านี้อยู่มากมาย โดยพระเอกนั้นจะมีกลุ่มเพื่อนรวมกันทั้งหมด 5 คน ทุกคนล้วนมีนิสัยเหมือนกันหมด ก็คือบ้าผู้หญิง การใช้คำนี้ก็คงไม่แรงเกินไปนัก เพราะแต่ละคนล้วนแต่มีภรรยาเป็นตัวเป็นตน แต่งงานกันเรียบร้อยใน อ่างเป่าลมผู้ใหญ่ และจดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย แต่เมื่อพวกเขาได้มารวมกลุ่มกันเมื่อไหร่ ก็จะทำตัวเหมือนหนุ่มโสดกันทันทีและทำการแซวหรือจีบหญิงออกหน้าออกตา ชวนกันไปท่องราตรี ไปเสพสุขสำราญตามร้านนวดกันยกใหญ่ ส่วนตัวพระเอกนั้นก็ใช่ย่อย เขายังโสดและยังไม่ได้แต่งงาน แต่ก็ไม่เคยน้อยหน้าเพื่อนๆ มีกิ๊กแอบซ่อนไว้ตามที่ต่างๆ มากมาย คบทีเดียวพร้อมกันหลายๆ คน จนกระทั่งผู้เป็นแม่เริ่มทนไม่ไหว อยากให้ลูกชายของตนเองนั้นเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที เธอเล็งเห็นว่าลูกตัวเองนั้นช่างเพียบพร้อม หน้าที่การงานมั่นคง การศึกษาดี หน้าตาดี ที่สำคัญ เขามีฐานะร่ำรวยมาก ขาดอยู่อย่างเดียวก็คือการมีคู่ครองที่ดีและชีวิตคู่ที่มีความสุขใน อ่างอาบน้ำขนาดเล็ก ดังนั้นเธอจึงไปปรึกษากับเพื่อนรักของตนเอง เพื่อนเธอคนนี้มีลูกสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับลูกชายของหล่อน แต่เธอมีแฟนแล้ว ซึ่งผู้เป็นแม่กำลังกลุ้มใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้ชายคนนี้โพรไฟล์ไม่ค่อยน่าชื่นชมนัก เขาเป็นพนักงานออฟฟิสธรรมดาทั่วไป ที่เงินเดือนไม่ค่อยสูง เรียกว่าชีวิตยังไม่มีความมั่นคงเอาซะเลย ฐานะที่บ้านก็ปานกลาง ไม่ได้ร่ำรวยอะไร และที่น่าเป็นห่วงก็คือทัศนคติการดำเนินชีวิตของเขานั้นไม่เหมือนผู้ชายทั่วไป เขาไม่มีรถยนต์ส่วนตัวขับ และต้องให้ลูกสาวของเธอคอยตามรับตามส่งระหว่างบ้านและที่ทำงานทุกวันเช้าเย็น ดูเพียงผิวเผินก็เหมือนลูกสาวเธอนั้นทำตัวเป็นผู้ชายคอยปรนนิบัติ รับใช้ผู้เป็นแฟนใน อ่างสปาแช่ตัว เสียเอง ซึ่งแม่ก็เริ่มทนไม่ได้แล้ว แต่จะทำอย่างไรได้เพราะลูกสาวของเธอนั้นก็ยังคงตาบอดและรักผู้ชายคนนี้เป็นอย่างมาก เขาหวังที่จะรวบหัวรวบหางนางเอกตลอดเวลา ในหัวสมองไม่เคยคิดเรื่องอื่นนอกจากหาลู่ทางให้นางเอกตกมาเป็นของตน เธอนั้นไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้คุณแม่ฟัง เนื่องจากจะกลัวแม่ห้ามให้คบหากันอีกต่อไป แต่ถึงเธอไม่เล่า ทางบ้านของเธอก็ไม่เคยสนับสนุนให้คบหาผู้ชายประเภทนี้อยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงเสนอให้ลูกชายของเพื่อนนั้น ลองมาทำความรู้จักกับลูกสาวของตัวเองที่ อ่างอาบน้ํา จะว่าไปแล้ว เด็กทั้งสองคนนี้ก็ดูจะเหมาะสมกันดี ทั้งฐานะทางบ้าน และพ่อแม่ก็ยังเป็นเพื่อนรักกันอีกด้วย พระเอกนั้นไม่ยินดีในช่วงแรกเนื่องจากยังไม่เคยเห็นหน้าและทำความรู้จักกับเธอผู้นี้ แต่ด้วยความเป็นลูกที่ดี และไม่อยากขัดใจผุ้เป็นแม่ ก็เลยยอมไปงานดูตัวกัน โดยผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายอ้างว่าเป็นการนัดทานข้าวตามปกติ แต่เบื้องหลังนั้นคือต้องการให้ลูกๆ ได้ทำความรู้จักกันและพูดคุยกันโดยอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ ทางฝ่ายพระเอกนั้น ตกหลุมรักนางเอกทันทีที่เห็น ถึงแม้เขาจะเป็นคนเจ้าชู้และรู้จักกับผู้หญิงมากมาย แต่เขาก็ต้องมนต์สเน่ห์ของเธอคนนี้อย่างที่หาเหตุผลใดๆ ในโลกมาอธิบายไม่ได้ หรือนี่จะเป็นพรหมลิขิต ดังที่ผู้อื่นได้เคยพูดไว้ คนที่จะเป็นเนื้อคู่กัน มันจะต้องตาต้องใจกันโดยไม่รู้ตัว มันจะนึกถึงตลอดเวลา อยากเจอ อยากเห็นหน้า อยากพูดคุย และอยากใช้ชีวิตร่วมกัน เขาจึงตั้งใจที่จะจีบผู้หญิงคนนี้อย่างจริงจังเสียที