เคยได้ยินคนส่วนใหญ่ชอบพูดกันว่า เป็นผู้หญิงต้องอย่าหยุดสวย เมื่อได้ฟังประโยคนี้แรกๆ ก็มีความรู้สึกต่อต้านเล็กน้อย และคิดในใจว่า ทำไมต้องพยายามอะไรมากมายด้วย ความสวยตามธรรมชาติยังไม่เพียงพออีกหรือ เราจะต้องกระตือรือร้นในการสรรหาวิธีการต่างๆ มาทำให้เราสวยขึ้น และดูดีขึ้นเพื่ออะไร บางคนก็ต้องลงทุนเข้าสปา อาบน้ำแร่ แช่น้ำนม ลงไปนอนแช่อยู่ใน อ่างอาบน้ำขนาดเล็ก เป็นเวลานาน จนรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว อึดอัด ดังนั้นต้องให้ความชื่นชมกับผู้หญิงเหล่านี้ ที่มีความอดทนสูงมากในระดับต้องมอบโล่ห์ให้มันละหลายๆ อัน จากการต่อต้านในเริ่มแรก และเมื่อได้ลองใช้สมอง พิจารณาเหตุผล ดูว่า มันสมควรหรือไม่ ที่เราจะไม่หยุดสวย จนเมื่อคืน ได้ดูวาไรตี้รายการหนึ่ง ซึ่งทางรายการ ได้เชิญดารานักแสดงมาทั้งหมด 3 คน เพื่อมาแชร์ประสบการณ์ว่าต้องทำอะไรกับตัวเองบ้างก่อนที่จะได้มาเป็นดารา และอยู่ในจุดที่มีชื่อเสียงได้ในแบบทุกวันนี้ เริ่มจากคนที่ 1 เป็นผู้ชาย หน้าตาดูดี หุ่นดี จากการพูดคุย ได้ความมาว่า เขาไม่ได้ทำอะไรมากมาย นอกจากการจัดฟัน ซึ่งสมัยนี้ วัยรุ่นทุกคนก็ทำกันเป็นเรื่องปกติ จนเป็นแฟชั่นไปแล้ว ดังนั้นใครไม่ได้ทำก็จะดูเป็นการไม่ดูแลตัวเอง และทำตัวไม่ค่อยอินเทรนด์เท่าไรนัก เปรียบได้กับการไม่มี วางไว้ในบ้าน ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเห็นด้วยกับการที่เด็กจะให้ความนิยมในการจัดฟัน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกดูถูกหรือรู้สึกว่าเด็กที่ไม่ได้ตามแฟชั่นนิยมนี้เป็นสิ่งที่ผิด ข้อดีของการจัดฟันก็คือ ทำให้เด็กได้เข้าหาหมอฟัน ทำให้เด็กอยากไปด้วยตัวเอง ดังนั้นก็ส่งผลดี ต่อการส่งเสริมในการดูแลความสะอาดของช่องปากและฟันให้สะอาดแข็งแรง นอกจากนี้ผลที่ได้ตามมาก็คือเด็กมีฟันที่เรียงกันสวยงาม คนที่ได้พูดคุยด้วยก็จะรู้สึกเจริญหูเจริญตา สร้างบุคลิกภาพที่ดี และสร้างโอกาสที่ดีในสังคมอีกด้วย เพราะในสมัยนี้ ใครๆ ก็ชอบความสวยงาม อย่างน้อยก็ทำให้เพลิดเพลิน และถ้ามีการเปรียบเทียบ เราก็ต้องเลือกสิ่งที่สวยงามก่อน เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว วกกลับมาที่การสัมภาษณ์นักแสดง ถึงแม้เขาจะไม่ได้ทำอะไรมาก เพียงแค่จัดฟันเท่านั้น แต่ต้องถอนฟันไปถึง 8 ซี่ ซึ่งนับว่าเยอะมาก ฟันเขี้ยว 4 ซี่ และฟันคุดอีก 4 ซี่ แทบจะหมดปากเลยทีเดียว กว่าจะสวย หรือ หล่อ นั้น ต้องอดทน ทั้งต่อความเจ็บปวด และการรอคอย ที่ต้องใช้เวลา กว่าหน้าของเราจะค่อยๆ เซ็ตตัว เข้ารูปเข้ารอย มันไม่ง่ายเหมือนกับการซื้อ อ่างอาบน้ําราคาถูก มาวางเอาไว้ที่บ้านแค่นั้น มันง่ายเกินไป ถัดมาเป็นดาราคนที่สอง คนนี้เปิดเผยเลยว่าได้ไปทำจมูกมาจากเกาหลี เนื่องจากหมอดูทักว่า จมูกรูปแบบเดิมจะทำให้เก็บเงินไม่ค่อยอยู่ มีเงินเท่าไหร่ก็ใช้จ่ายไปจนหมด เธอจึงเสาะแสวงหาหมอที่มีชื่อเสียง มีประสบการณ์น่าเชื่อถือได้ โดยการแนะนำจากเพื่อนดาราด้วยกัน และเดินทางไปทำถึงประเทศเกาหลี โดยวัสดุที่ใช้มีความเป็นธรรมชาติมาก สามารถบีบ จับ เลื่อน ปลิ้น ขยับจมูกไปมาได้ ไม่จำเป็นต้องดูและการกระแทกอะไรให้มากมาย เธอยังบอกอีกว่า เมื่อเวลาผ่านไป จมูกของเธอก็เริ่มดูสวยขึ้น ได้รูปได้ร่างมากขึ้นกว่าตอนทำมาใหม่ๆ เมื่อทำเสร็จในช่วงแรกอาจจะยังไม่ชิน และยังต้องการเวลาที่จะทำให้เนื้อจมูกเซ็ตตัวให้รับกับใบหน้านั่นเอง บุคคลส่วนใหญ่จะใจไม่แข็ง ทนไม่ไหวและไปซ่อมเสียก่อน ทำให้อาจผิดรูปไปได้ แต่เธอยอมเจ็บครั้งเดียว และอดทนรอ จนในที่สุด ก็มีคนทักอยู่ร่ำไปว่าจมูกดูสวยขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็ทำให้เธอรู้สึกดีและคุ้มค่ากับการเจ็บตัวและเงินที่เสียไปอีกด้วย มันเทียบไม่ได้เลยกับการไปซื้อ อ่างสปาแช่ตัว เพราะราคานั้นต่างกันเป็นอย่างมาก เธอยังกล่าวต่อไปอีกว่า เธอเคยทำ tablet หล่นใส่หน้าของเธออย่างแรง เนื่องจากนอนเล่นไปเรื่อยๆ แล้วเผลอหลับ เธอตกใจมาก รีบส่งกระจกแล้วสำรวจตรวจสอบจมูกของเธอในทันที เนื่องจากกลัวว่าจะพัง จะเบี้ยว จะผิดรูป หรือมีเลือดตกยางออก ทำให้ต้องเจ็บตัวและเสียโฉมโดยไม่คุ้มกัน แต่ก็น่าเหลือเชื่อ ที่จมูกของเธอไม่เป็นอะไรเลย ไม่เจ็บปวดใดๆ ด้วย นับว่าคุณหมอที่ทำให้เธอนั้น ฝีมือดีมากๆ และเลือกใช้วิธีการที่ทำให้จมูกมีความคงทนต่อแรงกระแทกได้อย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากนั้นเธอก็ทำของหล่นใส่อีก 4 – 5 ครั้ง แต่ผลก็ยังเป็นเหมือนเดิมที่จมูกของเธอไม่เป็นอะไรเลย นับว่าคุ้มค่ามากจริงๆ แต่สุดท้ายแล้ว การทำศัลยกรรมมา ก็ทำให้เราต้องดูแลใบหน้าของเราให้มากยิ่งขึ้นกว่าปกติ จะต้องกลัวไปหมด ไม่กล้าไปเล่นกีฬาอะไรที่รุนแรงหรือเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ยิ่งทำมากหลายจุด ความกังวลต่อการเจ็บตัวก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ดังนั้นเธอจึงบอกว่า พอแล้ว คือทำจนถึงจุดที่พอใจก็เพียงพอแล้ว ไม่อยากจะเสพติดหรือทำต่อไปเรื่อยๆ แบบไม่มีจุดสิ้นสุด อาจจะทำให้เสียเงินมากขึ้นและเสียใจมากขึ้นอีกด้วย
อ่างอาบน้ํา
อ่างอาบน้ํา